วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระบบช่วยจอดรถ

การนำรถเข้าไปจอดในที่จอดที่แคบๆ นั้น เป็นการยากสำหรับผู้ขับรถมือใหม่ หรือถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ การขับรถมานานแล้วก็ตาม ก็ยังคงต้องใช้เวลาในการเข้าจอดอยู่หลายนาทีเช่นกัน เหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันกลุ่มหนึ่ง จึงได้พัฒนารถยนต์ที่ไม่เพียงแค่สามารถเข้าจอดในที่จอดได้ แต่ยังสามารถทำการสแกนไปบนถนนเพื่อหาช่องว่างในการจอดรถได้ด้วย โดยระบบช่วยจอดนี้มีชื่อว่า "ปาร์คเมท" (Parkmate) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท ซีเมนส์ วิดีโอ (Siemens VDO) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์รายใหญ่ของโลก

ภายหลังจากที่ระบบทำการสแกนไปบนถนนเพื่อหาที่ว่าง และคำนวณทางเรขาคณิตเพื่อหาทิศทางการบังคับรถเข้าที่จอดแล้ว "ปาร์คเมท" ยังทำให้ผู้ขับรู้สึกมั่นใจอีกครั้งด้วยเสียงดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกให้ผู้ขับหยุดการควบคุมรถ และปล่อยให้รถบังคับตัวเองเข้าไปจอดยังช่องว่างนั้นๆ จากนั้นรถก็จะเคลื่อนที่ถอยหลังไปข้างๆ รถที่จอดอยู่ก่อนแล้ว และเคลื่อนเข้าที่จอดโดยไม่ชนฟุตปาธเลย Mr.Dirk Zittlau ผู้บริหารของบริษัทซีเมนส์ วิดีโอ กล่าวว่า ปาร์คเมทเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาจากเวอร์ชั่นเดิมโดยบริษัทได้ใช้เวลาทดสอบระบบนี้มาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ซึ่งปัญหาที่พบคือ ในสภาวะที่สภาพอากาศหนาวหรือ อุณหภูมิลดต่ำลงมากๆ ระบบเซ็นเซอร์จะทำงานคลาดเคลื่อนเนื่องจากไม่สามารถตรวจวัดสัญญาณจากฟุตปาธได้ ดังนั้น ระบบนี้จึงยังต้องใช้เวลาในการพัฒนา อีก 1-2 ปี จึงจะนำเข้าสู่ตลาดได้

นอกจากนี้บริษัทยังมีระบบอื่นๆ ที่พร้อมเข้าสู่ตลาดแล้วได้แก่ ระบบช่วยเตือนคนตาบอด ซึ่งจะส่งสัญญาณให้คนตาบอดรู้เมื่อมีรถยนต์แล่นมาใกล้ ซึ่งระบบนี้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แล้วและพร้อมเข้าสู่ตลาดในปี พ.ศ.2549 นอกจากระบบดังกล่าว บริษัทยังได้พัฒนาระบบเตือนเมื่อผู้ขับบังคับรถไปนอกเลนที่ตนขับอยู่ และระบบเตือนที่กระจกรถเมื่อผู้ขับใช้ความเร็วเกิดกำหนด ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวไม่เพียงแค่อ่านข้อมูลจากป้ายกำหนดความเร็วข้างทางเท่านั้น ยังสามารถนำข้อมูลต่างๆ มาประมวลกับระดับความเร็วของรถและแผนที่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ติดตั้งไว้ในรถ เพื่อปรับขีดจำกัดความเร็วในการขับให้สอดคล้องกับระดับความเร็วที่กำหนดตามป้าย ทั้งนี้ แนวคิดของบริษัทซีเมนส์ วิดีโอ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีนี้ คือ ต้องการ "พยายามที่จะลดงานที่น่าเบื่อในการขับรถให้กับผู้ขับ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น