วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ซีพียูรุ่นใหม่ในยุคคนใช้โนตบุ๊คไม่ง้อปลั๊ก

(ข่าวไทยรัฐ วันที่ 22 มิถุนายน 2552)

เมื่ออินเทลพัฒนาโพรเซสเซอร์ประหยัดพลังงาน ทำให้การใช้โน้ตบุ๊คในฝัน ที่สามารถทำงานได้ตลอดวัน ใกล้เป็นความจริงแล้ว...ปัจจุบัน การใช้งานคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน เปลี่ยนจาการนั่งทำงานอยู่กับที่ในสำนักงาน หรือ ที่บ้าน และที่สถานศึกษา มาเป็นแบบการทำงานเคลื่อนที่ หรือโมบิลิตี้ เวิร์กเกอร์ มากขึ้น อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ที่ตอบสนองความต้องการทำงานทั่วไปในแต่ละวันได้ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ท่องอินเทอร์เน็ต เล่นเกมออนไลน์ การใช้เพื่อความบันเทิง นอกจากนี้คนจำนวนไม่น้อยใช้งานโน้ตบุ๊คเพื่อติดต่อกับเพื่อนๆ ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เช่น ไฮไฟว์ เฟซบุ๊ค และยูทูวป์ เป็นต้นอย่างไรก็ตาม การหอบหิ้วโน้ตบุ๊คไปใช้งานนอกสถานที่ ปัจจัยเรื่องขนาดของเครื่อง น้ำหนัก และแบตเตอรีต่างเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ และใช้เป็นเหตุผลเพื่อจ่ายเงินซื้อโน้ตบุ๊คมาใช้งาน ดังเช่นปี 2551 ที่ผ่านมา เกิดปรากฎการณ์ "เน็ตบุ๊คฟีเวอร์" เนื่องจากผู้ใช้งานส่วนหนึ่งต้องการเครื่องขนาดเล็กไว้ใช้งาน เพื่อท่องอินเทอร์เน็ต หรือ ใช้งานเอกสารเล็กน้อย ทำให้เน็ตบุ๊คที่มีราคาประมาณ 199 เหรียญสหรัฐ เป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่าการซื้อโน้ตบุ๊คที่มีขนาดจอเล็กประมาณ 12 นิ้ว แต่ราคาสูงกว่า 500-1,200 เหรียญสหรัฐ อีกทั้งเน็ตบุ๊คยังประหยัดไฟด้วยเนื่องจากส่วนมากที่จำหน่ายในตลาดเลือกใช้ อินเทล อะตอม โพรเซสเซอร์ ที่กินไฟประมาณ 4 วัตต์ เพราะไม่รับงานประมวลหนักๆ เหมือน คอร์ทูดูโอ หรือ เพนเทียม คอร์ โพรเซสเซอร์ จึงทำให้ใช้งานได้นานประมาณ 3 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง (แบตเตอรี 3 เซลล์) เพราะมีขนาดจอที่เล็ก ประหยัดพลังงานมากกว่าโน้ตบุ๊คที่มีจอขนาด 14 นิ้ว และมีซีพียูที่กินไฟประมาณ 25-30 วัตต์ และการที่ซีพียูกินไฟน้อย ทำให้ผู้ผลิตสามารถออกแบบเน็ตบุ๊คให้มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบาได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ได้มีการแนะนำโน้ตบุ๊คแบบใหม่ เป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภค คือ รุ่นบางและเบาเป็นพิเศษ (Ultra Thin and Light Notebook)

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายถึงที่มาของโน้ตบุ๊ครุ่นบางและเบาเป็นพิเศษว่า จากการที่อินเทลสร้างความต้องการของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ในตลาดกลุ่มใหม่ในขณะนี้ เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไป ที่ต้องการความคล่องตัวในการพกพา ควบคู่กับประสิทธิภาพการทำงานที่โดดเด่น รวมทั้งยังมีราคาที่ไม่แพง โน้ตบุ๊ครุ่นบางและเบาเป็นพิเศษ ที่ใช้โพรเซสเซอร์รุ่นกินไฟต่ำเป็นพิเศษ (Ultra Low Voltage: ULV) ของอินเทลนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ประสิทธิภาพการใช้งาน และการประหยัดพลังงานที่ดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด เนื่องจากโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่นี้จะมีการออกแบบที่บางและที่สำคัญจำหน่ายในราคาที่ใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊คระดับเมนสตรีม โดยนับเป็นความภูมิใจของอินเทลที่จะนำเสนอความบางเบาเป็นพิเศษนี้ ให้แก่ผู้ใช้โน้ตบุ๊คได้สัมผัสได้ราคาที่ถูกกว่าเดิม จากปกติที่จำหน่ายเครื่องละ 50,000 บาทขึ้นไป ลดลงมาเหลือประมาณ 23,000 -35,900 บาท สอดคล้อมกับทิศทางที่ผู้บริโภคจะเลือกใช้โน้ตบุ๊คขนาดจอ 15-17 นิ้ว เพื่อทดแทนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือเอาติดตัวไปทำงานนอกสถานที่อินเทลได้สำรวจความต้องการของผู้บริโภคที่ซื้อโน้ตบุ๊คพบว่า สิ่งที่ลูกค้าต้องการจากโน้ตบุ๊คมากที่สุด ได้แก่ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยของข้อมูล และอายุการใช้งานแบตเตอรี เพราะอายุการใช้งานแบตเตอรีจะต้องแลกกับการเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สาย หรือ อินเทอร์เน็ตไวไฟ แต่การที่โน้ตบุ๊คมีขนาดบางและเบา ยังต้องพบปัญหาความร้อนสะสม เนื่องจากไม่มีพื้นที่พอติดตั้งพัดลมระบายความร้อนที่เกิดจากซีพียูได้ ในตลาดโน้ตบุ๊คแบบที่บางและเบามีสัดส่วนเมื่อเทียบจากตลาดภาพรวมไม่ถึง 11% ดังนั้น เมื่อโน้ตบุ๊คที่ใช้โพรเซสเซอร์แบบ ULV เข้าสู่ตลาดจะเพิ่มสัดส่วนโน้ตบุ๊ครุ่นบางและเบาได้ไม่น้อยกว่า 23% หากมองตลาดโน้ตบุ๊คในเมืองไทย ขนาดจอ 14 นิ้วยังเป็นสัดส่วนที่มากที่สุด ที่ผ่านมาผู้บริโภคเห็นเครื่องที่มีขนาดจอภาพ 7-12 นิ้วมาแล้วในกลุ่มโน้ตบุ๊ค และในอนาคตโน้ตบุ๊คขนาดจอ 16 นิ้วจะเข้ามาทดแทนเดสก์ท็อปพีซี ผนวกกับการที่โน้ตบุ๊คที่ใช้โพรเซสเซอร์แบบ ULV ให้อายุการใช้งานของแบตเตอรีนานถึง 8 ชั่วโมง กับขนาดเครื่องที่หนาต่ำกว่า 1 นิ้ว การแสดงภาพกราฟฟิคดีขึ้น เชื่อมต่อแบบไร้สายดีขึ้น รวมถึงรองรับอุปกรณ์ต่อพ่วงดิจิตอลต่างๆ สะดวกขึ้นตามไปด้วยจากความสามารถที่กล่าวมาและระดับราคาที่อยู่ที่ 20,000 – 30,000 บาท ที่เชื่อว่าในงานคอมมาร์ตเอ็กซ์เจน ไทยแลนด์ 2009 นี้ จะเห็นสินค้าต่างๆ โดยจะทำให้โน้ตบุ๊ค และเน็ตบุ๊คแยกแยะออกจากกันได้ชัดเจน ทั้งประสิทธิภาพการทำงาน และการที่ไม่ต้องพึ่งพาออปติคอลไดร์ฟภายนอก อีกทั้งสเปคความเร็วของซีพียูที่ 1.6-1.8 GHz จึงเพียงพอกับการทำงาน ของผู้ใช้งานทั่วไป และสร้างกลุ่มผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ตลอดวัน (All Day Computing) ให้ขยายตัวมากขึ้น โดยล่าสุดมีผู้ผลิตคอมพิวเตอร์กว่า 40 แบรนด์ชั้นนำทั่วโลก พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คแบบบางและเบาเป็นพิเศษสู่ท้องตลาดแล้ว

1 ความคิดเห็น: