การพัฒนาของมนุษย์ในระบบเสรีทุนนิยม ที่เน้นการบริโภคที่มีส่วนให้มีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติในอัตราที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าไม้ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้แก่โลก และใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในการสังเคราะห์แสง จึงได้มีการรณรงค์ให้มีการปลูกป่าเพิ่มมากขึ้น เสริมบำรุงสภาพป่ามากขึ้น และทั่วโลกได้ตระหนักถึงผลกระทบว่าไม่ได้เกิดเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งแต่มี ผลกระทบอย่างมีความสัมพันธ์กันเสมอ ความพยายามอย่างหนึ่งที่มีการประชุมกันที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ได้กำหนดให้มีคาร์บอนเครดิตลักษณะต่างๆ ซึ่งคาร์บอนเครดิตนั้นจะหมายถึงจำนวนคาร์บอนไดออกไซด์ที่สามารถลดลงได้ก็จะ เป็นเครดิตให้ประเทศนั้นๆ เช่นจำกัดให้แต่ละประเทศปล่อยขึ้นบรรยากาศได้ไม่เกินเท่าใด ให้มีการเคลื่อนย้ายกันระหว่างประเทศได้ ประเทศหนึ่งอาจปล่อยเกินกว่าจำนวนแต่สนับสนุนส่งเสริมให้อีกประเทศลดลงได้ชด เชย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจมีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกันได้ ประเทศที่ไม่สามารถลดลงได้ก็ไปซื้อจากประเทศอื่น …………………
เป็นไปได้ที่ประเทศไทยอาจจะรณรงค์ให้มีการเพิ่มจำนวน ออกซิเจนลดจำนวนคาร์บอนโดยการปลูกต้นไม้ เหมือนกับได้สองต่อคือ การปลูกต้นไม้ได้ความร่มรื่นและยังได้ผลประโยชน์จากป่า เป็นที่เก็บความชื้นลดความรุนแรงของน้ำท่วม และยังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวเชิงนิเวศวิทยาที่ประเทศของ เรามีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นจุดขายให้นักท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง ขณะเดียวกันก็จะได้รับเงินสนับสนุนจากคาร์บอนเครดิต อย่างไรก็ตามยังต้องใช้เวลาในการกำหนดกฏระเบียบ การตรวจสอบที่ชัดเจน การส่งเสริมให้มีการปลูกป่าเพิ่มเติบให้มากขึ้นก็ไม่เสียหายอะไร กลับเป็นผลดีในอนาคต …………………
ความจริงการทำให้เกิดคาร์บอนเครดิตเกี่ยวโยงกับการใช้ พลังงาน ดังนั้นถ้าลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ก็มีส่วนทำให้เกิดแกสเรือนกระจกได้ น้อย ต่อไปอาจจะเทียบเคียงเป็นพลังงานเครดิตได้ เช่นบางหน่วยงานสร้างแรงจูงใจให้มีการประหยัดพลังงานใครประหยัดพลังงานได้ มากก็จะได้พลังงานเครดิต เช่นใครประหยัดน้ำมันส่วนกลางได้ให้เก็บสะสมเป็นเงินโบนัสได้กี่งหนึ่งหรือ ตามที่ตกลงกัน ทำนองเดียวกันแผนกใดลดค่ากระแสไฟฟ้าได้ ก็มีการคืนส่วนที่ลดให้ให้หน่วยงาน แผนกหรือแม้แต่บุคคล ในรูปของเครดิตพลังงาน หากมีการใช้มากกว่าที่ควรจะเป็นมีการลดหรือหักเครดิตที่ควรจะได้ออก ด้วยมาตรการดังกล่าวนี้น่าจะช่วยลดการใช้พลังงานลงได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น