วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เรื่องของการให้และการทำดี

อันนี้เป็นบทความแรกนะนี่ที่เขียนเอง
อาจเรียกว่าบทความไม่ได้หรอกนะ
เรียกว่าเป็นประสบการณ์ สิ่งที่เราพบเจอ
และเอามาแบ่งให้เพื่อนๆฟังดีกว่า

วันนี้เราได้นั่งกินข้าวเที่ยงกับพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเรา
แล้วก็คุยกันเรื่องเกี่ยวกับการทำความดี
พี่ชายของเราคนนี้ จบตรี บริหาร มช
แล้วไปทำงาน ๑-๒ ปี ตอนนี้กำลังเรียนโทนิเทศจุฬา
พี่เล่าให้ฟังว่า มีช่วงหนึ่งที่พีเขาไม่นับถือศาสนาอะไรเลย
เพราะว่า
รู้สึกว่าทำดีก็ไม่ได้ดี ทำดียังไงก็โดนคนเอาเปรียบ ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้คนอยู่รอด

พี่เล่าให้ฟังว่า ช่วงที่ทำงานพี่เขาเห็นว่าคนที่ทำดีทำงานจริงจัง ไม่ประจบประแจง
ก็ไม่ได้เลื่อนขั้น ตรงกันข้าม...พวกที่ประจบประแจงกลับได้เลื่อนขั้น แถมคนพวกนี้พอเห็นเรา
ทำงานดีก็มาใช้งานเราเยอะๆด้วย
แต่...จุดที่ทำให้พี่เรากลับมานับถือศาสนาพุทธได้ก็คือ เรื่องสมาธิ พี่เล่าให้ฟังว่าช่วงนั้นแย่มาก
ชีวิตมีปัญหา มีความทุกข์ หลายอย่าง แต่พอหันมาฝึกสมาธิก็ทำให้รู้สึกดีมีความสุข
(ทุกวันนี้ก่อนนอน พี่สวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน )

สำหรับเราคิดว่า คำว่า ทำดีไม่ได้ดีนะ ไม่มีหรอก เพียงแต่ เรามองไม่เห็นสิ่งดีๆที่ตอบกลับมา
เท่านั้นเอง

สมมติว่า เราลุกสละที่นั่งบนรถเมล์ให้คนแก่ เพียงเท่านี้เราก็ได้สิ่งดีๆมาแล้ว นั่นก็คือความสุขใจ
ที่ได้ทำดี
ตรงกันข้าม ถ้าเราไม่สละที่ให้ แถมรำคาญ ประมาณว่า แก่แล้วไม่เจียมยังจะขึ้นรถเมล์อีก
สิ่งที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นแล้ว คือ เราก็จะทุุกข์ใจ

ลองสังเกตดูดีๆแล้วจะเห็นครับ ^^

1 ความคิดเห็น:

  1. จะทำดีแล้วได้ดีรึเปล่าอยู่ที่ใจนั่นแหละ

    ถ้าทำแล้วหวังว่าจะได้อะไรตอบแทนบางครั้งนั่นก็ไม่ถือว่าเป็นการทำดีหรอก

    แต่ถ้าเราทำไปด้วยความบริสุทใจยังไงอย่างที่รู้สึกดีก็คือใจของเราที่เป็นผู้ให้และใจของผู้รับเองนั่นแหละ

    ตอบลบ